วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

G-Shock Deep Water Test



ทิ้งลงไปใต้ระดับน้ำลึก 200 เมตร ทดสอบการกันน้ำ ยังนิ่งครับ G-Shock


เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

G-Shock Vibration Test



เขย่าให้หลุดกันไปข้างนึงครับ มาดูกันซิว่าใครจะไปก่อนกัน.....

เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

G-Shock Piston Test (Repeated impact)


ทุบอีกแล้วครับ แต่ครั้งนี้เล่นกระแทกๆๆๆๆๆๆๆ แบบไม่ยั้งกันเลย
แล้วโลกก็ได้เห็นความทนทรหดของคาสิโอ G-Shock ครับ


เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

G-Shock Ice Test



อันนี้พี่ท่านเล่นแช่กันจนเป็นน้ำแข็งกันเลยครับท่านนนนนนน

เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

G-Shock Hammer Test



เอานาฬิกาไปทุบๆๆ แล้วก็ทุบเพื่อทดสอบความอึดครับ ไปดูกันเล้ยยยยย

เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

G-Shock Toughness Test


วิดีโอการทดสอบนาฬิกาคาสิโอแบบโหดๆ ที่ผมถูกใจและชอบมากๆ ครับ
เครดิตให้คุณ gshochus แห่ง youtube ครับผม

Chapter 1 (1946-1957): มิถุนายน ปีค.ศ. 1957 CASIO-14A เครื่องคิดเลขสำนักงานที่ทำงานด้วยไฟฟ้าเครื่องแรกของโลกถูกวางจำหน่าย และบริษัท Casio Computer Co., Ltd. ได้ถูกก่อตั้งขึ้น


ปลายปีค.ศ. 1956 พี่น้องตระกูล Kashio ตัดสินใจนำผลงานเครื่องคิดเลขของพวกเค้าไปแสดงที่เมือง Sapporo แต่อุปสรรคก็เกิดขึ้นจนได้เมื่อบริษัทขนส่งได้แจ้งมาว่าเครื่องคิดเลขของพวกเค้ามีขนาดใหญ่เกินขนาดที่สายการบินกำหนด ทางผู้ขนส่งจึงต้องทำการแยกชิ้นส่วนด้านบนของเครื่องออกมา ทำให้พี่น้องทั้งสี่ปวดหัวเป็นอย่างมากเพราะชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องคิดเลขก็คือส่วนด้านบนนั่นเอง และแม้พวกเค้าจะแจ้งไปแล้วว่ามันจะเสียหายจนไม่สามารถซ่อมแซมได้แต่ในที่สุดเพื่อให้สามารถบรรทุกขึ้นเครื่องบินได้ เครื่องคิดเลขของพวกเค้าก็ถูกแยกชิ้นส่วน

เมื่อไปถึง Sapporo พวกเค้าพยายามประกอบมันกลับคืนและก็เป็นไปอย่างที่พวกเค้ากลัว แม้จะพยายามแก้ไขแล้วทุกวิถีทาง เครื่องคิดเลขก็ไม่สามารถกลับมาทำงานได้ดังเดิม ทำให้พวกเค้าต้องนำเสนอเครื่องคิดเลขดังกล่าวด้วยการบรรยายคุณสมบัติของมันแทนการสาธิตการทำงานจริงๆ
 
เมื่อเสร็จสิ้นงานแสดงสินค้าและพวกเค้ากลับมาถึงบ้านด้วยความท้อแท้ใจ แต่แล้วบริษัท Uchida Yoko Co., Ltd.* สำนักงานใหญ่ได้ติดต่อมาว่าต้องการขอชมการทำงานของเครื่องคิดเลขดังกล่าวตามคำบอกเล่าจากผู้จัดการสาขาที่เป็นหนึ่งในผู้ชมการบรรยายของพวกเค้าที่ Sapporo* และด้วยความที่ บริษัท Uchida Yoko Co., Ltd. เคยร่วมธุรกิจกับ Kashio Seisakujo มาก่อนจึงมีความเชื่อมั่นในตัวพี่น้อง Kashio เป็นทุนอยู่แล้ว จนในที่สุดสัญญาแต่งตั้งให้บริษัท Uchida Yoko Co., Ltd. เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องคิดเลขของพี่น้อง Kashio อย่างเป็นทางการฉบับแรกก็ถูกทำขึ้น 

และในเดือนมิถุนายนปีค.ศ. 1957 Casio Computer Co., Ltd. จึงได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พัฒนาและผลิตเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยรีเลย์โดยเฉพาะ โดยมี Shigeru พ่อของพวกเค้าขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัทคนแรก

สี่พี่น้องตระกูล Kashio จากซ้ายมาขวา: Toshio, Kazuo, Tadao และ Yukio




สี่พี่น้องในวัยอาวุโส ใครเป็นใครลองเปรียบเทียบใบหน้ากันดูนะครับ




แปลและเรียบเรียงโดย WatchIndeeD.com
อ้างอิงจาก http://world.casio.com/corporate/history/





เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
 
*Sapporo เมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของประเทศญี่ปุ่น และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดที่ตั้งอยู่บนเกาะฮอกไกโดทางตอนเหนือของประเทศ 
Sapporo เป็นที่รู้จักต่อชาวโลกเมื่อครั้งได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิค ฤดูหนาวในปีค.ศ. 1972 หรือพ.ศ. 2515 และมีเทศกาลหิมะประจำปีอันเลื่องชื่อ Sapporo Snow Festival ที่ผู้คนมากกว่าสองล้านคนจากทั่วโลกหลั่งไหลกันไปเที่ยวงานในแต่ละปี


*Uchida Yoko Co., Ltd. บริษัทผลิตและค้าส่งอุปกรณ์สำหรับสำนักงานขนาดใหญ่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1910 (พ.ศ. 2453) ปัจจุบันมีบริษัทในเครือหลายสิบบริษัทและขยายสาขาไปในอเมริกา, จีน, สิงคโปร์และมาเลเซีย

วันจันทร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2554

Chapter 1 (1946-1957): ธันวาคม ค.ศ.1954 (พ.ศ. 2497): ต้นแบบหมายเลข 1 ของเครื่องคิดเลขสำนักงานที่ทำงานด้วยไฟฟ้าและรีเลย์เสร็จสมบูรณ์

แรกเริ่มเดิมทีบริษัท Kashio Seisakujo เป็นเพียงโรงงานขนาดเล็กที่รับช่วงผลิตชิ้นส่วนกล้องจุลทรรศน์และชิ้นส่วนแมคคานิคเท่านั้น Tadao มีน้องชายสามคนได้แก่ Toshio, Kazuo, และ Yukio น้องชายคนรอง Toshio เริ่มทำงานที่กระทรวงการสื่อสารในโตเกียว (Ministry of Communications ปัจจุบันคือ Nippon Telegraph and Telephone Corporation, NTT) ในตำแหน่งช่างเทคนิคเกี่ยวกับการผลิตอุปกรณ์โทรสารและโทรศัพท์


เมื่อToshio เห็น Tadao ทำงานหนักทุกวันที่ Kashio Seisakujo, Toshio ก็มีความคิดที่จะใช้ความสามารถที่เค้ามีกลับเข้ามาช่วยงานพี่ชายของเค้า ในวัยเด็ก Toshio มีความใฝ่ฝันและเฝ้าบอกกับคนในครอบครัวมาตลอดว่าเมื่อโตขึ้นเค้าจะเป็นนักประดิษฐ์อย่างที่ Thomas Elva Adison นักประดิษฐ์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวอเมริกันที่เค้าให้การยกย่อง

แม้ว่าด้วยประสบการณ์และความสามารถที่เค้าจะมีทำให้เค้ามีความก้าวหน้าในหน้าที่การงานเป็นอย่างมากแต่แล้วเค้าก็ตัดสินใจลาออกเพื่อมาช่วยทำงานที่บริษัท Kashio Seisakujo ที่พี่ชายของเค้า Tadao เป็นผู้ก่อตั้ง เพื่อพิสูจน์ความสามารถในการเป็นนักประดิษฐ์ของเค้า


สิ่งประดิษฐ์ที่สร้างผลกำไรให้กับบริษัทเป็นชิ้นแรกคือแหวนที่ใช้สวมในขณะสูบบุหรี่มีชื่อว่า “The Yubiwa Pipe” มีลักษณะคล้ายแหวนสวมนิ้วทั่วๆ ไปแต่ที่ไม่ธรรมดาก็ตรงที่แหวนนี้สามารถทำให้คนสูบสามารถสูบบุหรี่ได้โดยไม่ต้องคอยใช้นิ้วคีบมวนบุหรี่อยู่ตลอดเวลา จึงสามารถทำงานอย่างอื่นได้ในขณะสูบบุหรี่ Tadao รับหน้าที่ผลิตโดยใช้เครื่องกลึงเป็นเครื่องผลิตและพ่อของเค้า Shigeru เป็นผู้นำออกไปขาย สินค้าได้รับความนิยมและขายดีเป็นเทน้ำ เทท่าเกิดเป็นผลกำไรอันงดงาม ทำให้มีเงินทุนมากพอสำหรับนำไปพัฒนาเครื่องคิดเลขของพวกเค้าในเวลาต่อมา

หลังจากผลงาน The Yubiwa Pipeประสบความสำเร็จ, ต่อมาในปีค.ศ. 1949 ณ งานแสดงสินค้าที่จัดขึ้นครั้งแรก ณ เมือง Ginza ในตอนนั้นมีเครื่องคิดเลขที่บริษัทของชาวตะวันตกผลิตขึ้นมาวางแสดงอยู่ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องคิดเลขยังคงทำงานด้วยชิ้นส่วนเมคคานิคและใช้งานด้วยมือไม่ได้ทำงานด้วยไฟฟ้า ยังไม่มีเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยวงจรอิเลคทรอนิคอย่างที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน แม้ในตอนนั้นจะมีเครื่องคิดเลขบางรุ่นที่บริษัทต่างชาติผลิตขึ้นจะสามารถทำงานด้วยไฟฟ้าแต่ก็เป็นเพียงเป็นการไปขับมอเตอร์เพื่อไปหมุนชุดชิ้นส่วนแมคคานิคอีกทีนึงแม้จะทำงานได้รวดเร็วกว่ารุ่นที่ทำงานด้วยชิ้นส่วนแมคคานิคล้วนๆ แต่ก็ยังคงมีเสียงดังตอนทำงานอยู่ดี

เครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยไฟฟ้าไปขับเคลื่อนมอเตอร์ดังกล่าวในขณะนั้นถือว่าเป็นเทคโนโลขั้นสูงที่ญี่ปุ่นยังไม่สามารถผลิตได้เอง จากปัญหาเสียงดังในขณะใช้งานของเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยชิ้นส่วนแมคคานิคดังกล่าวทำให้ Toshino ตัดสินใจพัฒนาเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยวงจรไฟฟ้าร่วมกับโซลินอยด์ (Solenoid) *เพื่อให้มาแทนที่การทำงานด้วยชิ้นส่วนแมคคานิคแบบเดิม


Tadao และ Toshio สองคนพี่น้องใช้เวลาหลังจากงานประจำมาพัฒนาเครื่องคิดเลขตามแนวความคิดของเค้าโดยใช้เวลาในการทำแล้วขอความเห็นจากผู้ใช้งานแล้วกลับมาพัฒนา ทำไป ทำมากว่าสิบรุ่นจนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยไฟฟ้าเครื่องแรกของญี่ปุ่นจึงถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1954 

 
ในปีต่อมาเค้านำผลงานอันน่าภูมิใจดังกล่าวไปเสนอต่อ Bunshodo Corporation บริษัทขายสินค้าประเภทเครื่องใช้สำนักงานในขณะนั้น แต่แล้วตัวแทนบริษัท Bunshodo ก็ตอบกลับมาว่าเครื่องคิดเลขของพวกเค้าล้าสมัยไปซะแล้วเพราะมันไม่สามารถคำนวณสมการ Multiplication (การคูณ) เหมือนที่เครื่องคิดเลขของที่อื่นๆ ทำได้

ทำให้สองพี่น้องต้องกลับมาเริ่มต้นกันอีกครั้ง ในเวลานั้นน้องชายอีกสองคน Kazuo และ Yukio ได้ลาออกจากงานและเข้ามาช่วยงานที่ Kashio Seisakujo ด้วย โดยมีการแบ่งหน้าที่กันดังนี้ Toshio เป็นฝ่ายค้นคิดผลิตภัณฑ์, Yukio ที่เรียนมาทางด้านวิศวกรรมเครื่องกลทำหน้าที่เขียนแบเพื่อการผลิต ส่วน Tadao และ Kazuo ทำหน้าที่ฝ่ายผลิต 

ปีค.ศ. 1956 หกปีให้หลังการพัฒนาเครื่องคิดเลขรุ่นแรกของพวกเค้าเข้าใกล้ความสมบูรณ์เต็มที แต่การผลิตเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยโซลินอยด์เป็นจำนวนมากเพื่อการค้า (mass-produce) ยังคงเป็นอุปสรรคที่สำคัญอีกตัวนึง Toshio จึงมีความคิดที่จะล้มเลิกการผลิตเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยโซลินอยด์ทิ้งเสีย แล้วหันมาผลิตเครื่องคิดเลขที่ทำงานด้วยรีเลย์ (Relay)* ให้เหมือนกับเครื่องโทรศัพท์ในสมัยนั้นที่ต่างทำงานด้วยรีเลย์ทั้งสิ้น

แม้ว่าในสมัยนั้นจะมีผู้คิดค้นเครื่องคำนวณขั้นสูงที่เรียกว่าคอมพิวเตอร์ปรากฏให้เห็นแล้ว ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) แต่คอมพิวเตอร์ดังกล่าวก็ยังคงมีขนาดใหญ่โตเท่ากับห้องๆ นึงเลยที่เดียวแถมยังต้องอยู่ในห้องที่ควบคุมความสะอาดของอากาศเป็นอย่างดีอีกด้วยเพราะยังอาศัยการทำงานของรีเลย์จำนวนมากซึ่งเสียหายได้ง่ายมากจากฝุ่นละออง เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวนักประดิษฐ์หัวใสต้องหาวิธีทำให้เครื่องคิดเลขที่จะนำไปใช้ตามสำนักงานต่างๆ มีขนาดที่กะทัดรัดและเหมาะสมมากขึ้น พี่น้องตระกูล Kashio ทั้งสี่จึงเริ่มจากการลดจำนวนรีเลย์ลง จากรีเลย์หลายพันตัว (บางเครื่องใช้รีเลย์มากกว่าหมื่นตัว) ที่ถูกใช้ในคอมพิวเตอร์ในสมัยนั้น เมื่อผ่านการออกแบบวงจรใหม่จึงลดจำนวนลงมาเหลือเพียง 342 ตัว และพวกเค้ายังได้พัฒนาต้นแบบของรีเลย์ที่ทนทานต่อฝุ่นละอองอีกด้วย

นวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่อีกอันนึงที่สี่พี่น้องได้คิดค้นขึ้นมาในขณะนั้นก็คือการหันมาใช้โครงสร้างแป้นกดแบบ Ten-key format ที่มีปุ่มกดเพียงสิบปุ่ม (ตัวเลข 0-9) ที่เหมือนกับเครื่องคิดเลขที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ที่ต้องกล่าวถึงอีกอันนึงก็คือหน้าจอแสดงผลการคำนวณแบบใหม่ ที่ก่อนหน้านั้นเครื่องคิดเลขจะมีหน้าจอ 3 จอแยกแสดงผลระหว่างตัวเลขเช่นถ้าต้องการคำนวณ 100 + 200 = 300 จอแสดงผลแต่ละจอจะแสดงผลเป็น “100,” “200,”,และ “300” แต่เครื่องคิดเลขของพวกเค้าใช้จอแสดงผลเพียงจอเดียว ในทุกวันนี้การแสดงผลแบบนี้คงดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในสมัยนั้นถือว่าเป็นนวัตรกรรมใหม่และเป็นการยากมากกว่าจะทำให้เป็นที่ยอมรับจากผู้ใช้งาน 

แต่อย่างไรก็ตามนับได้ว่าเครื่องคิดเลขขนาดเล็กที่สามารถนำไปใช้ได้ในสำนักงานทั่วไปได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้ว
เครื่องคิดเลข CASIO รุ่น 14-A

แปลและเรียบเรียงโดย WatchIndeeD.com
อ้างอิงจาก http://world.casio.com/corporate/history/


เกร็ดความรู้เพิ่มเติม

*โซลินอยด์ (Solenoid) เป็นอุปกรณ์ทางไฟฟ้าชนิดนึงมีโครงสร้างเป็นขดลวดพันรอบๆ แกนสารแม่เหล็กทรงกระบอกสามารถเคลื่อนที่ไปมาได้เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไป เราใช้โซลินอยด์มาประยุกต์ใช้กับงานที่ต้องการเชื่อมโยงพลังงานไฟฟ้ามาเป็นพลังงานกล

*รีเลย์ (Relay) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เชิงกล ชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าเป็นสวิตช์ แต่รีเลย์นั้นจะถูกควบคุมด้วย กระแสไฟฟ้า
การทำงานของรีเลย์ คือ เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวด จะทำให้ขดลวดเกิดสนามแม่เหล็กไปดึง แผ่นหน้าสัมผัสให้ดึงลงมา แตะหน้าสัมผัสอีกอันทำให้มีกระแสไหลผ่านหน้าสัมผัสไปได้

*ประวัติของคอมพิวเตอร์ (Computer) หาอ่านเพิ่มเติมได้ตามลิงค์นี้ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Computer






Chapter 1 (1946-1957): เมษายน ค.ศ. 1946: Tadao Kashio ก่อตั้งบริษัท Kashio Seisakujo

Tadao ในขณะทำงานเป็นช่างกลึง
Kashio Tadao ผู้ก่อตั้งบริษัท Casio Computer เกิดในปีพ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) ที่เมือง Kureta-mura* ในจังหวัด Kochi* ประเทศญี่ปุ่น

หลังเหตุการแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เมืองคันโต (รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ The Great Kanto Earthquake*)
ในปีพ.ศ. 2466 (ค.ศ. 1923) ครอบครัว Kshioได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานใหม่ที่เมืองโตเกียวตามคำชักชวนจากลุงที่มาทำงานอยู่ก่อนแล้ว ขณะนั่นด.ช.ทาดาโอะมีอายุเพียง 6 ปี
ภายหลังจบการศึกษาระดับมัธยม Tadao เข้าสู่ชีวิตการทำงานด้วยตำแหน่งช่างกลึง ด้วยความเฉลียวฉลาดของเค้าเจ้าของโรงงานสนับสนุนให้เค้าได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Waseda Koshu Gakko (ปัจจุบันคือ Waseda University*) ในขณะทำงานที่โรงงาน Tadao ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการที่ได้ทำงานในหลากหลายหน้าที่ จนกระทั่งวันนึงในเดือนเมษายนปีพ.ศ. 2489 (ค.ศ. 1946) เค้าก็สามารถมีกิจการเป็นของตนเองได้มีชื่อว่าบริษัท Kashio Seisakujo, ตั้งอยู่ที่เมือง Mitaka, Tokyo
แปลและเรียบเรียงโดย WatchIndeeD.com
อ้างอิงจาก http://world.casio.com/corporate/history/


เกร็ดความรู้เพิ่มเติม

*เมือง Kureta-mura ปัจจุบันคือเมือง Nankoku

 *จังหวัดโคชิ, Kochi เป็น1ใน 47 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งตอนใต้ของเกาะชิโกะกุ, Shikoku

*เหตุการณ์แผ่นดินไหวและเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในย่านคันโตะ  ที่เรียกกันติดปากว่า The Great Kanto Earthquake เกิดขึ้นในเวลาราวๆ เที่ยงวันของวันที่ 1 กันยายน ปีค.ศ. 1923 มีขนาดความรุนแรงถึง 7.9 ริกเตอร์ เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 100,000-142,000คน ต่อมาในปีค.ศ. 2005 หรือ 82ปีหลังเหตุการณ์มีการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตจากการทำวิจัยว่ามีเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนถึง 105,000 คน
สภาพบ้านเมืองหลังเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่